การทำ SEO ก่อนอื่นสำหรับคนที่ทำเว็บไซต์แล้วเวลาผ่านไปหลายวันก็แล้ว พอพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของเราใน Google ก็ยังไม่เห็นเลยแม้แต่วี่แววสักนิดเดียว นั่นหมายความว่า Google ยังไม่รู้จัดเว็บไซต์ของท่านเลย ยังไม่มีบอทผ่านเข้ามาเก็บข้อมูลเลย ดังนั้นก็ไม่มีทางที่จะหาเว็บไซต์ของท่านเจอ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการบอกให้ Robot เข้ามารวบรวมข้อมูลเว็บของเราได้เลยทันที ผ่านเครื่องมือ Google Search Console มาเริ่มแบบเป็นขั้นตอนกันเลยดีกว่า
1. ทำเว็บไชต์ให้เป็น https
การทำ SEO https:// จะได้รับการรักษาความปลอดภัยผ่านโปรโตคอลความปลอดภัยชั้นการรับส่งข้อมูล (TLS) แล้วทำไมต้องทำก็เพราะว่า Google จะมองว่าเว็บของเรามีความปลอดภัยในการเข้าชม จะทำให้การจัดอันดับเว็บไซต์ง่ายและดีกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ได้เข้ารหัสความปลอดภัย แต่ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาบนเว็บไซต์และปัจจัยอื่นๆด้วย
2. เชื่อมเว็บไซต์เข้ากับ Google Search Console
Google Search Console เพิ่มประสิทธิภาพใน Google Search อันดับแรกเลยเข้าไปที่ https://search.google.com/search-console แล้วก็กด เริ่มใช้งาน เข้าสู่ระบบด้วย Gmail แล้วก็ทำตามขั้นตอนต่างๆในหน้าเว็บให้เสร็จเรียบร้อย ทำทุกอย่างตามขั้นตอนเสร็จ เข้าใช้งานได้ สิ่งสำคัญที่ต้องทำ 2 อย่าง
- ไปที่ “แผนผังเว็บไซต์” หรือ Sitemap แล้วทำการ เพิ่มแผนผังเว็บไซต์ใหม่ ซึ่งภายในเว็บของเราก็ต้องมี Sitemap ด้วย
- ไปที่ “การตรวจสอบ URL” ระบุ URL เว็บไซต์ของเราลงไป แล้วก็กดที่ “ขอการจัดทำดัชนี” เท่านี้ก็เรียบร้อย เราอีกไม่นานก็จะเห็นเว็บไซต์ของเราใน Google Search แล้ว
สำหรับท่านที่ทำไม่เป็นก็แจ้งให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์ให้ท่านทำให้ด้วย ซึ่งก็คงไม่ยากสำหรับผู้ที่รับทำเว็บไซต์อยู่แล้ว
3. การเพิ่มบทความที่มีคุณภาพ
การเพิ่มบทความที่มีคุณภาพหรือเอาเข้าใจง่ายๆก็คือ “การเพิ่มหน้าของเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด” เช่น การลงบทความในเว็บของเราเรื่อยๆ และบทความนั้นต้องมีคุณภาพเนื้อหามีประโยชน์ต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ หลักๆที่บอกว่าหน้าเว็บเรามีเนื้อหาที่มีคุณภาพก็มีดังนี้
- Title หรือ ชื่อเรื่อง คือ ชื่อของหน้าเว็บนั้นๆที่เป็นข้อความอธิบายสั้นๆ Google จะนำ Title ของหน้าเว็บไปแสดงใน Google Search สำคัญคือ ทุกหน้าในเว็บของเรา Title ไม่ควรซ้ำกัน และควรมีคำที่เราต้องการนำเสนอ หรือที่เรียกว่า Keyword เป็นส่วนประกอบด้วย
- Description หรือ คำอธิบาย หลักการก้เหมือนกับ Title แต่จะเป็นข้อความยาวกว่า
- Content หรือ เนื้อหาภายในหน้าเว็บ ควรเป็นเนื้อหาที่ไม่ได้คัดลอกจากที่อื่นมาโดยตรง ต้องเป็นเนื้อหาที่ขยายความจากชื่อเรื่องหรือ Keyword นั้นๆ ถ้าจำเป็นต้องคัดลอกให้อ่านเนื้อหาที่จะคัดลอกแล้วนำมาสรุปหรือเขียนใหม่
- การเชื่อมลิ้ง คือ การมีลิ้งไปยังหน้าต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกเว็บไซต์ อยู่ภายใน Content ของเรา
ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมายที่หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ นี่เป็นเพียงส่วนสำคัญส่วนหนึ่งเท่านั้น
4. เพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
การเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ Google ให้ความสำคัญ การจะทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วนั้นก็มีหลายปัจจัยอีกเช่นกัน เริ่มต้นด้วยการเลือกผู้ให้บริการ Srever ต้องเลือกที่มีคุณภาพก่อนจะทำเว็บก็ลองหาข้อมูลก่อนว่า ผู้ให้บริการไหนคิดว่าจะไม่ทำให้เว็บเรามีปัญหาเรื่องความเร็ว ต่อมาก็ดูเรื่องขนาดของไฟล์ JS CSS การทำ Case ต่างๆ อีกอย่างที่สำคัญคือขนาดไฟล์ภาพภายในเว็บ เราต้องทำให้มีขนาดเล็กโดยการบีบอัดเพื่อให้เว็บของเรานั้นโหลดเร็วขึ้น
5. เว็บไซต์ Responsive ในทุกอุปกรณ์แสดงผล
เว็บไซต์ Responsive คือ ในทุกอุปกรณ์แสดงผลต้องปรับรูปแบบการแสดงผลให้เหมาะสม ผู้ที่ทำเว็บไซต์ก็คงรู้กันดีทุกคนว่าคือแบบไหน ส่วนคนที่จะทำเว็บก็ลองถามหรือแจ้งไปเลยว่าเอาแบบ Responsive เพราะ Google จะมองว่าเนื้อหาเวลาแสดงในอุกรณ์อื่นที่ขนาดหน้าจอต่างกัน ขนาดการมองเห็นเล็กเกินไปหรือไม่ ใกล้กันเกินไปหรือไม่ จะมองว่าเว็บของเราใช้งานลำบากถ้าไม่ Responsive ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่จะมีผลต่อการจัดอันดับนั่นเอง
6. เพิ่มช่องทางในการเข้าเว็บไซต์
นอกจากการที่คนเข้าชมจะเห็นเว็บไซต์ของเราทาง Google Search แล้ว นั่นยังไม่เพียงพอในการทำ SEO การเพิ่มช่องทางในการเข้าเว็บไซต์ คือ การนำลิ้งเว็บไซต์ของเราไปวางไว้เพื่อนำเสนอให้คนคลิกไปที่ลิ้งนั้นเพื่อเข้ามาชมเว็บไซต์ของเรา เช่น การโปรโมทเว็บไซต์ การโฆษณาเว็บไซต์ การเขียนบทความบนเพจเฟสบุ๊ค Facebook การเขียนบทความบนพันทิป Pantip เป็นต้น แล้วก็แนบลิ้งกลับมายังเว็บไซต์ของเรา
สรุป
การทำ SEO นั้นก็ไม่ได้ยากและก็ไม่ได้ง่ายเพราะมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาอีกมากมาย ไม่สิ้นสุดเพราะทาง Google มีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานการจัดอันดับอยู่ตลอด แต่สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่เป็นมาตรฐานหลักๆที่ไม่มีการเปลี่ยน และเกิดผลดีต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของท่านอย่างแน่นอน